
5 ประเภทฝ้าเพดาน และการติดตั้ง ในแต่ละประเภทให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละงาน ก่อนหน้านี้ เราพูกถึงกันไปบ้างแล้วกับอุปกรณ์ ตกแต่งบ้าน วันนี้เราจะพาไปดู 5 ประเภทฝ้าเพดาน และการติดตั้ง
1. ฝ้าที่ทำจากวัสดุยิปซั่ม
แผ่นฝ้ายิปซั่ม ผลิตมาจากผงแร่ยิปซั่มที่อัดปิดทับหน้าหลังด้วยกระดาษ จึงทำให้พื้นผิวมีความเรียบเนียน และอาจมีการเคลือบสารเคมีบางชนิดเพื่อให้มีคุณสมบัติการใช้งานที่ดีขึ้น แผ่นยิปซั่มความหนาที่นิยมใช้ในท้องตลาด คือ 9 มม. 12 มม. และ 15 มม. ขนาดแผ่นกว้าง 1.20 ม. ยาว 2.40 ม. และมีหลายชนิดให้เลือกใช้โดยมีราคาตั้งแต่ 140 – 300 บาท ต่อแผ่น ขึ้นอยู่กับชนิด และความหนาแผ่น
แผ่นฝ้ายิปซั่มสามารถแบ่งประเภทตามรูปแบบการใช้งานได้ดังนี้
– แผ่นยิปซัมรุ่นมาตรฐาน สีขาว จะมีกระดาษปิดทับทั้งสองด้าน ไว้ใช้ทำผนังและฝ้าเพดานทั่วๆไป
– แผ่นยิปซัมทนความชื้น จะเห็นเป็นผิวสีเขียว เหมาะกับการใช้ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่นห้องน้ำ ห้องครัว ฝ้าเพดานภายนอกอาคาร
– แผ่นยิปซัมทนไฟ จะเห็นเป็นสีชมพู เหมาะกับการใช้งานในห้องที่มีความร้อนสูง (ทนเพลิงไหม้ได้ 3 ชั่วโมง โดยไม่ร่วงหล่น) เหมาะสำหรับทำฝ้าเพดาน ที่ต้องการอัตราการป้องกันไฟสูง เช่น ห้องคอมพิวเตอร์ ช่องลิฟท์ทางหนีไฟ และผนังอาคารต่างๆ
– แผ่นยิปซัมกันร้อนติดอลูมิเนียมฟอยล์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการสะท้อนรังสีความร้อนได้สูงถึง 95% ติดไว้ด้านหลังของแผ่นยิปซั่ม ช่วยลดความร้อนภายในได้ดี นิยมติดตั้งบริเวณฝ้าของห้องใต้หลังคา
– แผ่นยิปซั่มสำหรับดัดโค้ง มีความหนา 6มม ซึ่งสามารถดัดโค้งได้ดีในรัศมีที่แคบ โดยไม่ต้องใช้น้ำหรือเครื่องมือช่วย
คุณสมบัติเด่น
- น้ำหนักเบา แผ่นยิปซั่มและโครงเคร่ามีน้ำหนักเบา เหมาะกับพื้นที่งานต่อเติมที่ไม่ต้องการให้อาคารรับน้ำหนักมากเกินไป
- แผ่นยิปซั่มแข็งแต่เปราะ สามารถใช้คัตเตอร์ในการตัด เจาะได้
- ติดตั้งง่าย และรวดเร็ว
- ผิวเนียนเรียบ ไร้รอยต่อ
- หาวัสดุ และช่างได้ง่าย
- ช่วยลดเสียง และความร้อนได้
คุณสมบัติด้อย
- เนื้อยิปซั่มมีโอกาสเปราะหักง่าย เมื่อเทียบกับวัสดุอื่นๆ
- ไม่ค่อยทนความชื้น
2. ฝ้าที่ทำมาจากวัสดุไฟเบอร์ซีเมนต์
แผ่นฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์ หรือ ที่นิยมเรียกว่าแผ่นฝ้าสมาร์ทบอร์ด ผลิตมาจากปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ที่ผสมเข้ากับเส้นใยเซลลูโลสชนิดพิเศษ ทรายซิลิก้า และน้ำ จากนั้นนำไปเข้ากระบวนการอบไอน้ำที่อุณหภูมิ และแรงดันสูง เพื่อให้ได้คุณสมบัติที่ทนทานสูงขึ้น
แผ่นฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์ มีขนาดที่นิยมใช้ในท้องตลาดดังนี้
ขนาด 120×240 ซม. มีความหนาที่ 4,6,8,10,12,16,18,20 มม.
ขนาด 60×120 ซม. มีความหนาที่ 4 และ 6 มม.
ขนาด 60×240 ซม. มีความหนาที่ 4 มม.
ขนาด 120×120 ซม. มีความหนาที่ 4 มม.
โดยมีราคาในทัองตลาดตั้งแต่ 400-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภท และขนาด
คุณสมบัติเด่น
- น้ำหนักเบา และติดตั้งได้ง่าย
- ลดการนำความร้อนช่วยให้บ้านเย็น เนื่องจากมีค่าการนำความร้อนต่ำกว่ากระเบื้องแผ่นเรียบ จึงช่วยลดความร้อนจากโถงหลังคาเข้าสู่ภายในบ้านได้ดี ช่วยให้บ้านเย็น และประหยัดค่าไฟฟ้า
- ปลวกไม่กิน เพราะทำมาจากปูนซีเมนต์ และส่วนผสมชนิดพิเศษอื่นๆ
- มีคุณสมบัติไม่ลามไฟ ช่วยประวิงเวลาในการหลบหนีได้ในระดับหนึ่ง
- มีความแข็งแรง ทนต่อแรงกระแทกสูงไม่แตกหักง่าย
- เนื้อเหนียวมีความยืดหยุ่นสูง สามารถดัดโค้งได้ดีในระดับหนึ่ง
- ทนน้ำ ทนฝน ทนความชื้น และทนแดด ได้นานนับสิบปีโดยไม่เปื่อยยุ่ย
- ใช้งานได้ทั้งภายใน และภายนอก
คุณสมบัติด้อย
- เห็นรอยต่อระหว่างแผ่นเป็นรอยท้องช้างชัดเจน เนื่องจากเป็นแผ่นแข็ง เวลาต่อกัน และฉาบอาจจะไม่เนียนเหมือนกับใช้ยิบซั่มบอร์ด
- พื้นผิวไม่ค่อยสวยงาม ทาสีไม่ค่อยเรียบเนียนทั้งๆที่ไม่ใช่รอยต่อ
3. ฝ้าที่ทำมาจากวัสดุไม้จริง และไม้เทียม
ไม้จริงเป็นวัสดุทำฝ้าที่นิยมมากในอดีต ด้วยความสวยงามเป็นธรรมชาติ แต่ปัจจุบันไม้มีราคาสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับวัสดุอื่นๆจึงทำให้ค่าใช้จ่ายและการบำรุงรักษาฝ้าประเภทนี้แพงตามไปด้วย ซึ่งเราจะไม่ลงลึกในคุณสมบัติของไม้จริง เพราะหลายๆท่านทราบอยู่แล้วว่าไม้จริงแม้จะมีความสวยงาม สามารถทำได้ทั้งฝ้าแบบปิด และฝ้าระแนง แต่ก็มีราคาสูงขึ้นทุกๆวัน อีกทั้งยังมีขีดจำกัดในด้านการป้องกันความชื้น และไม่ค่อยทนไฟ
ในปัจจุบันผู้คนจึงหันมานิยมใช้ไม้เทียมอย่าง ไม้พลาสติกคอมโพสิต (Wood Plastic Composite) กันมากขึ้น โดยนิยมกันเป็นอย่างมากในการนำมาทำเป็นฝ้าเพดานโปร่งแบบระแนง ซึ่งวัสดุทดแทนไม้จริงที่ว่านี้จะมีคุณสมบัติที่น่าสนใจอย่างไรบ้างนั้น มาดูกันครับ
ไม้เทียมพลาสติกคอมโพสิต (Wood Plastic Composite)
ไม้เทียมพลาสติกคอมโพสิต หรือ WPC คือ วัสดุที่มีส่วนผสมของไม้ และพลาสติก มีทั้งหน้าตัดแบบกลวง และหน้าตัดแบบตัน ซึ่งคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์นั้นๆจะโดดเด่น และโน้มเอียงไปทางไหนก็จะขึ้นอยู่กับสัดส่วนของไม้ และพลาสติกที่นำมาผสมกันนั่นเอง
โดยทั่วไปแล้วขั้นตอนการผลิตไม้พลาสติกคอมโพสิต จะมี 2 ขั้นตอนหลักๆ คือ
– การนำไม้ และเม็ด พลาสติกมาผสมกัน
– การขึ้นรูปพื้นไม้พลาสติกคอมโพสิต โดยใช้วิธีต่างๆกัน เช่น การอัด รีดขึ้นรูป (Extrusion) ,การฉีดขึ้นรูป (Injection) และการใช้เครื่องนาบหรือเครื่องกดความร้อนขึ้นรูป (Hot Press)
นอกจากนี้ในกระบวนการผลิตยังสามารถแบ่งประเภทของส่วนผสมต่างๆ ได้ดังนี้
– ไม้สังเคราะห์ที่มีส่วนผสมของ Polyethylene (PE based ) ผสมกับผงไม้
– ไม้สังเคราะห์ที่มีส่วนผสมของ Polypropylene (PP based ) ผสมกับผงไม้
– ไม้สังเคราะห์ที่มีส่วนผสมของ Poly vinyl chrolide (PVC based ) ผสมกับผงไม้
สำหรับขนาดไม้ระแนง WPC สำหรับทำฝ้า (แบบกลวง) ที่นิยมในท้องตลาดนั้นมีหน้าตัดความกว้างตั้งแต่ 2-12เซนติเมตร และมีความยาวตั้งแต่ 1-3 เมตร โดยมีราคาในท้องตลาดตั้งแต่ 200-1,xxx /เส้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับขนาด ลวดลาย และเกรดของไม้ WPC เป็นหลัก
คุณสมบัติเด่น
- ไม่มีมอด และแมลงรบกวน
- มีความแข็งแรงทนทาน และมีน้ำหนักที่เบากว่าไฟเบอร์ซีเมนต์ที่ขนาดความหนาเท่ากัน
- ทนทานต่อความชื้น (ขึ้นอยู่กับส่วนผสมระหว่างไม้กับพลาสติกว่าอันไหนสัดส่วนมากน้อยกว่ากัน)
- มีสีภายในตัว ลดขั้นตอนในการทาสี
- ติดตั้งง่าย สามารถตัดแต่งได้เหมือนไม้จริง
- สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้
- ไม่ลามไฟ และไม่ติดไฟ
- มีความเหนียวกว่าไม้เทียมประเภทไฟเบอร์ซีเมนต์ โดยสามารถทำโครงสร้างรับน้ำหนักบางประเภทได้
คุณสมบัติด้อย
- เมื่อใช้งานไปนานๆหลายปี และโดนแดดจัดๆ สีจะซีดจางลง และอาจมีอาการเหี่ยว
- ไม่ค่อยเหมือนไม้จริงทั้งสีสัน และผิวสัมผัส
- ไม้พลาสติกคอมโพสิตหลายรุ่นไม่สามารถทาสีทับได้ ดังนั้นเมื่อเกิดรอยใหญ่และลึกจึงซ่อมแซมได้ยาก
4. ฝ้าที่ทำมาจากวัสดุไวนิล
แผ่นฝ้าไวนิล เป็นวัสดุทำฝ้าอีกประเภทหนึ่งที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในท้องตลาด โดยผลิตมาจาก UPVC หรือ Unplasticised Poly Vinyl Chloride ซึ่งเป็นเนื้ออะคริลิกประเภทหนึ่ง ฝ้าไวนิลมักนิยมนำไปติดตั้งในพื้นที่ใหญ่ๆ เช่น ปั๊มน้ำมัน ,อาคารสำนักงาน ,ห้างสรรพสินค้า และอาคารสาธารณะ รวมถึงบ้านพักอาศัยทั่วไป
โดยมีราคาในท้องตลาดตั้งแต่ 350-1,xxx บาท ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับขนาด และลวดลายของแผ่นฝ้าไวนิล ซึ่งมีให้เลือกหลายลวดลาย เช่น ลายไม้ หรือ โทนสีแบบต่างๆ
สำหรับขนาดที่นิยมใช้ตามท้องตลาดมีขนาดตั้งแต่ : กว้าง 14-25 เซนติเมตร หนา 1-8 มิลลิเมตร และมีความยาวมาตรฐาน 4, 5, 6 เมตร (สามารถสั่งความยาวได้สูงสุดถึง 12 เมตร)
คุณสมบัติเด่น
- ติดตั้งได้ง่าย เพราะมีการออกแบบลักษณะการติดตั้งแบบเข้าลิ้น
- พื้นผิวมีความราบเรียบสม่ำเสมอ และสามารถใช้ได้ทั้งสองด้าน
- มีน้ำหนักเบา ขนย้ายสะดวก และทำให้ติดตั้งได้ในเวลาที่รวดเร็ว
- มีความเหนียว ทนทาน
- มีคุณสมบัติกันน้ำ กันปลวก
- มีให้เลือกหลากหลายลวดลาย
- ดูแลรักษา ทำความสะอาดได้ง่าย
คุณสมบัติด้อย
- เมื่อใช้ไปนานๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงของสีได้
- มีขีดจำกัดในเรื่องการอ่อนตัวมากกว่าวัสดุแผ่นอื่นๆ
- มีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับวัสดุอื่นๆ
5. ฝ้าที่ทำมาจากวัสดุอลูมิเนียม
ฝ้าอลูมิเนียม จะมีลักษณะเป็นแผ่นตะแกรง หรือเป็นเส้นยาวคล้ายระแนง ซึ่งผลิตมาจากการนำแร่บอกไซด์มาถลุงจนได้อลูมิน่าบริสุทธิ์ และนำอลูมิน่าเข้าหลอมจนได้เป็นแท่งอลูมิเนียมบริสุทธิ์ แล้วนำไปแปรรูปด้วยแม่พิมพ์ที่มีขนาด และรูปทรงหน้าตัดที่แตกต่างกัน เพื่อให้ได้เส้นอลูลิเนียมโปรไฟล์สำหรับใช้ในงานฝ้าเพดานแต่ละแบบ
นอกจากนี้วัสดุอลูมิเนียม ยังมีคุณสมบัติไม่ก่อให้เกิดสนิม ทนฝน (อลูมิเนียมเกรดสูงๆจะป้องกันน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ) ทนแดด หรือ ความร้อนได้ดี มีมวลโครงสร้างที่แข็งแรง ทนทาน จึงคงรูปไม่เกิดการบิดงอ นอกจากนี้ยังสามารถประยุกต์ใช้งานในการตกแต่งเพดานได้อย่างหลากหลาย มีความสวยงามทันสมัย
เรามักจะเห็นฝ้าอลูมิเนียมในอาคารขนาดใหญ่ เช่น สถานีขนส่ง อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า หรือ อาคารสาธารณะอื่นๆ เพื่อซ่อนระบบ และติดตั้งไฟส่องสว่าง หรือ อุปกรณ์อื่นๆตามการใช้งานของอาคารนั้นๆ แต่ด้วยความที่มีราคาแพง และเหมาะกับการติดตั้งในพื้นที่ขนาดใหญ่จึงไม่นิยมใช้ในบ้านพักอาศัย
สำหรับขนาด และราคาของฝ้าอลูมิเนียมในท้องตลาดนั้นมีค่อนข้างหลากหลายมากๆ โดยเรทราคาจะขึ้นอยู่กับขนาด เกรดของเนื้ออลูมิเนียม และลักษณะการใช้งานเป็นหลัก ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีราคาในแต่ละรุ่นที่แตกต่างกันไป
คุณสมบัติเด่น
- เป้นวัสดุที่ไม่บิดตัว มีความทนทาน ด้วยอายุการใช้งานที่ยาวนานนับสิบๆปี
- พื้นผิวหน้ามีความเรียบตึง ให้ความสวยงามทันสมัย และมีให้เลือกหลายสี
- มีน้ำหนักเบา ขนย้ายสะดวก และทำให้ติดตั้งได้ง่ายในเวลาที่รวดเร็ว
- ไม่มีปัญหาเรื่องความชื้น และไม่เป็นสนิม
- ดูแลรักษาทำความสะอาด และซ่อมแซมได้ง่าย
- ทนต่อการลามไฟได้ดีในระดับหนึ่ง
คุณสมบัติด้อย
- มีขีดจำกัดในการรับแรงกระแทก เมื่อเนื้ออลูมิเนียมได้รับความเสียหายจะซ่อมแซมให้กลับมาสมมาตรเหมือนเดิมได้ยาก
- อลูมิเนียมเส้น หรือ อลูมิเนียมโปรไฟล์ เป็นวัสดุเนื้อเปราะ ในบางกรณีการใช้งาน จึงไม่สามารถต้านทานแรงดัดเนื่องจากการดัดโค้งในรัศมีแคบๆได้
- ฝ้าอลูมิเนียมมีราคาค่อนข้างสูง จึงนิยมนำไปใช้ในอาคารขนาดใหญ่